ลองจินตนาการถึงหนังไซไฟที่เริ่มต้นฉากแรกด้วยพระเอกแก่ๆ ผิวหนังเหี่ยวย่น โรคภัยรุมเร้า แล้วเขาก็นอนลงบนเตียง หลับไป ร่างกายค่อยๆ หดเล็กลง ทันใดนั้น เขาก็กลายร่างย้อนวัยกลายเป็นเด็กน้อย แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่!

สำหรับมนุษย์ นี่อาจดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ที่ห่างไกลจากความเป็นไปได้ แต่สำหรับแมงกะพรุน… นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง!!

ในปี 2011 นักวิจัยทางทะเลคนหนึ่งเก็บตัวอย่างแมงกะพรุนพระจันทร์ (Aurelia spp.) ตัวหนึ่งมาเลี้ยงในห้องแล็บ เวลาผ่านไปจนแมงกะพรุนตัวนั้นเริ่มแก่ตัวและใกล้ตาย แต่แทนที่จะทิ้ง เขากลับย้ายมันไปไว้ในอีกตู้หนึ่ง ด้วยความคิดแค่ว่า เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจ… แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็เหนือความคาดหมายสุดๆ

Schematic life cycle of Aurelia.

Schematic life cycle of Aurelia.

ในตู้ที่ซากแมงกะพรุนแก่ๆ จมลงสู่พื้น กลับปรากฏหน่อของ Polyp (วัยเด็กของแมงกะพรุน) งอกออกมา เปรียบได้กับเห็นตัวหนอนชินเมโจได๋ งอกออกมาซากผีเสื้อ! การย้อนวัยนี้นอกจากเกิดเมื่อแมงกะพรุนมีอายุมากแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นเมื่อมันเจอภาวะไม่เหมาะสม เช่น อาหารไม่พอ หรือในตู้แออัด แมงกะพรุนบางส่วนจะค่อยๆ จมลงสู่พื้น ลำตัวหดเล็กลง อวัยวะภายในสลายไป แล้วสักพัก หน่อ Polyp ก็จะงอกฟื้นขึ้นมาจากความตาย… ใช้ชีวิตและขยายพันธุ์ต่อไป!

ภาพ: https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0145314

ความสามารถนี้ ไม่ได้จำกัดแค่แมงกะพรุนพระจันทร์เท่านั้น แต่แมงกะพรุนอีกหลายชนิด เช่น Chrysaora hysoscellia, Rhizostoma pulmo, Turritopsis nutricula ฯลฯ ก็มีบันทึกไว้ว่าสามารถย้อนวัยจากระยะ Ephyra (วัยรุ่นของแมงกะพรุน) กลับไปสู่ระยะ Polyp ได้เช่นกัน

แต่ที่ต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่งและเป็นเทพแห่งการย้อนวัยโดยแท้ ก็คือ ‘แมงกะพรุนอมตะ’ (Immortal Jellyfish) (Turritopsis dorhnii) ที่สามารถย้อนกลับไปกลับมาระหว่าง Medusa – Polyp ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งเหตุผลเดียวที่มันไม่ลอยอยู่เต็มทะเลก็คือ ถูกกินนั่นเอง

อ้างอิง

เป็นตอนที่ 17 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Praya dubia
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Hydrozoa >> Order Siphonophorae
สถานที่พบ : น้ำลึกทั่วโลก

อีกหนึ่งญาติของแมงกะพรุนที่เรียกว่า ‘ไซโฟโนฟอร์’ และสายพันธุ์นี้คือผู้ครองตำแหน่ง ‘สัตว์ที่ยาวที่สุดในท้องทะเล’ ด้วยความยาวที่สามารถยาวได้ถึง 45 เมตร!! ยาวยิ่งกว่าวาฬสีน้ำเงิน

นางอาศัยอยู่ในทะเลลึกกว่า 300 เมตร สามารถเรืองแสงได้ ใช้หนวดที่ยาวเฟื้อยจับปลาและครัสเตเชียน (กุ้ง ปู แอมฟิพอด) เป็นอาหาร ชื่อภาษาละตินของมันแปลว่า Doubted Prayer

ภาพ : https://thezt2roundtable.com/siphonophora-giant-siphonophore-t16632.html

เป็นตอนที่ 16 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pleurobrachia pileus
หมวดหมู่ : Phylum Ctenophora >> Class Tentaculata
สถานที่พบ : มหาสมุทรแอตแลนติก

นี่ไม่ใช่แมงกะพรุน แต่เป็นหวีวุ้นผู้ไม่มีพิษมีภัย เนื่องจากเรื่องราวเธอน่าสนใจ เลยขอเอามาเล่ารวมไว้ด้วยแล้วกัน

หวีวุ้นชนิดนี้ มีชื่อว่า ‘กูสเบอร์รีทะเล’ มันมีหนวดยาวๆ 2 หนวด แต่ละหนวดจะมีซี่ขน ซึ่งตรงปลายจะมีตุ้มเหนียวๆ รอให้เหยื่อมาติด คล้ายที่ดักแมลงวัน… เมื่อดักเหยื่อได้ปุ๊บ สาวเหยื่อขึ้นมา แต่ปัญหาชีวิตคือ ปากอยู่ด้านบน แต่รูหนวดดันอยู่ด้านล่าง จะกินยังไงดีล่ะทีนี้ ?!?

วิธีแก้ปัญหา นางก็ ‘เล่นใหญ่’ โดยการตีลังกาหมุนตัวอย่างรวดเร็วมางับอาหารเข้าปากกิน / จบ

เป็นตอนที่ 15 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่ออื่นๆ : แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส, แมงกะพรุนหัวขวด*, แมงกะพรุนไฟขวดเขียว*, Blue Bottle*
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Physalia physalis
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Hydrozoa >> Order Siphonophorae
สถานที่พบ : เขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก

พวกนี้ไม่เชิงเป็นแมงกะพรุน ถ้าเรียกให้ถูก พวกมันคือ ‘ไซโฟโนฟอร์’

ขอตั้งฉายาให้พวกเธอว่า ‘สวยสยอง นักล่องเรือใบ’ พวกเธอจะล่องลอยอยู่ที่ผิวน้ำ เดินทางไปตามแต่กระแสลมและคลื่นจะพาไป โดยมีกระเปาะพองลมทำหน้าที่เหมือนใบเรือ ลำตัวใสแกมฟ้า ขอบสีชมพูสวยงาม… แต่โปรดอย่าประมาท! เพราะพวกมันมีพิษร้ายแรงมาก แถมบางทีหนวดพิษก็ยาวได้ถึง 30 เมตร ซึ่งจะดักปลาเป็นอาหารแล้วสาวขึ้นมากิน !

* ในอดีตคือชนิด Physalia utriculus แต่ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นชนิดเดียวกันกับ Physalia physalis (อ้างอิง: www.marinespecies.org)

Portuguese Man O' War, Miami Beach

Portuguese Man O’ War, Miami Beach, March 2008

เป็นตอนที่ 14 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Carukia barnesi
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Cubozoa >> Order Carybdeida
สถานที่พบ : ชายฝั่งทางเหนือของออสเตรเลีย

นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์แมงกะพรุนกล่องที่น่ากลัวที่สุด ด้วย 3 เหตุผลคือ

  • หนึ่ง มีขนาดที่เล็กมากราวเม็ดลำไย แถมตัวใสๆ จนแทบมองไม่เห็นเมื่ออยู่ในน้ำ แต่หนวดยาวได้ตั้งแต่ไม่กี่เซนติเมตรไปจนถึง 1 เมตร
  • สอง พิษร้ายแรงกว่างูเห่า ทำให้คนตายได้ ถึงขนาดมีชื่อเฉพาะของกลุ่มอาการที่โดนพิษพวกนี้ว่า ‘กลุ่มอาการอิรุคันจิ’ ซึ่งมาจากชื่อของชนเผ่าพื้นเมืองออสเตรเลีย ที่ในอดีตเคยได้รับบาดเจ็บจากแมงกะพรุนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก
  • และความน่ากลัวสุดท้ายคือ เข็มพิษไม่ได้อยู่แค่ที่หนวดเท่านั้น แต่ยังมีเข็มพิษที่ร่ม (Bell) ด้วย

Irukandji jellyfish, Queensland, Australia

ข้อมูล:

เป็นตอนที่ 13 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chironex fleckeri
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Cubozoa >> Order Chirodropida
สถานที่พบ : ชายฝั่งด้านเหนือของออสเตรเลีย หมู่เกาะฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย

นี่คือสุดยอดแชมเปี้ยนแห่งอาณาจักรสัตว์ด้านความร้ายแรงของพิษ บางตัวมีหนวดมากถึง 60 หนวด หดสั้นเพียง 15 เซนติเมตรยามไม่ใช้งาน และยืดยาวได้ถึง 3 เมตรยามออกล่าเหยื่อ พวกมันสามารถว่ายน้ำในที่ตื้นและลากหนวดไปกับพื้นทรายเพื่อดักเหยื่อได้ ไม่ต่างอะไรจากชาวประมงลากอวน พวกมันยังสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว

เซลล์รับแสงของมันก็ไม่ธรรมดา มันมีตาถึง 24 ตา เห็นสีและภาพได้ แถมพวกมันสามารถจดจำแลนด์มาร์กต่างๆ เช่น แนวป่าชายเลน เพื่อเข้าไปหาอาหารได้ด้วย

Chironex fleckeri เป็นแมงกะพรุนกล่องที่ใหญ่ที่สุด และมีหนวดมากที่สุด ในบรรดาแมงกะพรุนกล่องด้วยกัน มันมีชื่อสามัญว่า Australian box jellyfish หรือชื่อเล่น Sea wasp (แปลว่า แตนทะเล) แมงกะพรุนชนิดนี้นอนหลับในเวลากลางคืนที่พื้นทะเล โดยที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่เข้าใจพฤติกรรมนี้

ถิ่นที่พบคือมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ตั้งแต่ตอนเหนือของเวียดนามไปจนถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงอ่าวไทย แต่ไม่ถึงทะเลอันดามัน ยังดีที่พวกมันไม่ค่อยชอบอยู่ในแนวปะการังหรือพื้นที่ที่มีหญ้าทะเลและสาหร่ายทะเล นอกจากหลงเข้ามาเป็นครั้งคราวเท่านั้น

อ้างอิง:

เป็นตอนที่ 12 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bathykorus bouilloni
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Hydrozoa >> Order Narcomedusae
สถานที่พบ : น้ำลึกแถบอาร์กติก

(เพลงมา… ตึง ตึง ตึง ตึ่งตึ้งตึง ตึ่งตึ้งตึง) ณ น้ำลึกเย็นยะเยือกและมืดมิดในทะเลแถบอาร์กติก มีแมงกะพรุนชนิดหนึ่งได้ฉายาว่า ‘ดาร์ธเวเดอร์’ แห่งท้องทะเลลึก ด้วยหน้าตาที่เหมือนกับตัวร้ายในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars

แมงกะพรุนชนิดนี้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี 2002 และมันก็มีด้านมืดสมชื่อ นั่นคือหลายชนิดใน Order นี้ จะทำตัวเป็นปรสิตในร่างแม่ตัวเอง! คือใช้ชีวิตเกาะติดกับร่างกายแม่ ดูดซึมสารอาหาร และเติบโตอยู่ภายในนั้น หรือบางครั้งก็อาจสละยานแม่ แล้วไปยึดยาน… เอ๊ย… ยึดร่างของแมงกะพรุนชนิดอื่นๆ เพื่ออยู่อาศัยเป็นปรสิตได้ด้วย

ข้อมูล: https://www.nature.com/scitable/blog/creature-cast/narcomedusae
ภาพ: NOAA Ocean Exploration and Research

เป็นตอนที่ 11 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Olindias formosus
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Hydrozoa >> Order Limnomedusae
สถานที่พบ : แปซิฟิกตะวันตก

ในความสวยงามและชื่อที่แสนละมุนอ่อนหวาน… นางคือนักล่า! ยามกลางวันนางจะใช้ชีวิตซุ่มตัวที่พื้นทะเล บางทีก็ซ่อนตัวท่ามกลางดงสาหร่าย โบกสะบัดหนวดไปมาเพื่อล่อปลา โดยบริเวณก่อนถึงปลายหนวดจะมีสีเขียวเรืองแสงเป็นเหยื่อล่อด้วย ยามกลางคืนนางจะลอยตัวขึ้นกลางน้ำตามหาเหยื่อคือปลาเล็กปลาน้อยที่ถูกล่อลวงเข้ามา

นักวิทยาศาสตร์เคยทดลองโดยจับปลา Rockfish มาใส่ในตู้ แล้วโชว์แสงประเภทต่างๆ ให้ปลาเห็น ปรากฏว่าเหล่าปลาจะชอบเข้าหาแสงเรืองสีเขียวจากหนวดแมงกะพรุนภายใต้แสงสีฟ้ามากที่สุด ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่า เป็นเพราะสีเขียวเรืองแสงนั้น มีความคล้ายกับคลอโรฟิลล์ในพืช ทำให้ปลากินพืชสับสนนึกว่าเป็นอาหาร ส่วนปลากินเนื้อก็จะนึกว่าเป็นพืชที่เรืองแสงในท้องของปลาอื่นอีกที ทำให้เจ้าหมวกดอกไม้ใช้แสงนี้ในการหลอกปลามาติดกับได้… ร้ายนัก!

หนวดของนางขดเป็นเกลียวยามไม่ใช้งาน ใครบางคนเรียกมันว่าหนวดมะกะโรนี ต่อมพิษสามารถพิฆาตปลาน้อยได้ในเวลาไม่กี่วินาที ส่วนผลต่อมนุษย์นั้น แม้ไม่ถึงขนาดทำให้ตาย แต่ก็ทำให้เจ็บปวดทรมานและเป็นผื่นแดงเช่นกัน

แต่เดี๋ยวก่อน นางไม่ใช่แมงกะพรุนแท้ (true jellyfish) แต่อยู่ในกลุ่ม Hydrozoa กลุ่มเดียวกันกับพวกไฮดรอยด์และ Portuguese Man-o-War นะจ๊ะ

Flower Hat Jelly

ข้อมูล:

เป็นตอนที่ 10 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cephea cephea
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Scyphozoa >> Order Rhizostomeae
สถานที่พบ : อินโดแปซิฟิก

กะหล่ำชนิดนี้เราสามารถกินได้! นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์แมงกะพรุนที่ถูกมนุษย์จับมาทำเป็นอาหาร โดยเฉพาะในจีนและญี่ปุ่น พวกมันมักเติบโตเป็นวัย Medusa ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดภาวะแมงกะพรุนสะพรั่ง (bloom) บ่อยครั้ง ครั้งแรกที่มีบันทึกไว้คือที่อียิปต์ในปี 2011 โดยคาดว่ามีนับหมื่นตัว บางพื้นที่มีความหนาแน่นถึง 20 ตัว ต่อลูกบาศก์เมตร

เจ้ากะหล่ำดอกจะอาศัยอยู่ในน้ำลึกเวลากลางวัน และขึ้นมาที่น้ำตื้นในเวลากลางคืน แถมสามารถเรืองแสงเพื่อให้ผู้ล่าตกใจได้ หน้าตาดูละม้ายคล้ายแมงกะพรุนไข่ดาว ใช่แล้ว! มันอยู่ในวงศ์ Cepheidae เดียวกันนั่นเอง

The water is full of Cauliflower Jellyfish

The water is full of Cauliflower Jellyfish, Cephea cephea at Marsa Shouna, Red Sea, Egypt #SCUBA

อ้างอิง: หนังสือ Jellyfish: A Natural History (เขียนโดย Lisa-ann Gershwin)

เป็นตอนที่ 9 ใน 17 ตอนของเรื่อง แมงกะพรุนสุดว้าวแห่งท้องทะเล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Staurocladia spp. / Eleutheria spp.
หมวดหมู่ : Phylum Cnidaria >> Class Hydrozoa >> Order Anthoathecata
สถานที่พบ : ชายฝั่งทั่วโลก

ในขณะที่แมงกะพรุนอื่นๆ ว่ายน้ำอยู่กลางทะเล แต่เจ้าแมงกะพรุนกลุ่มนี้ดันว่ายน้ำไม่เป็น มันจึงต้องใช้ชีวิตเกาะติดกับใบสาหร่าย ใบหญ้าทะเล โดยใช้หนวดแทนขา! โดยหนวดของมันจะแยกเป็น 2 แฉก แฉกหนึ่งมีตัวดูด (sucker) ไว้ยึดติดใบสาหร่าย อีกแฉกทำหน้าที่เหมือนหนวดแมงกะพรุนทั่วไป มีเข็มพิษ โบกสะบัดไปมาเพื่อจับเหยื่อจำพวกแพลงก์ตอนและสัตว์เล็กๆ มากิน

ความพิสดารยังไม่จบเท่านี้ พวกนี้มี 2 เพศในตัวเดียว สามารถผสมภายในตัวเองได้ แถมตัวอ่อนจะเจริญภายในร่างกาย ออกลูกเป็นตัว! หรือจะขยายพันธุ์โดยโคลนนิ่งตัวเองด้วยการแตกหน่อในวัย Medusa ก็ยังได้

อ้างอิง : หนังสือ Jellyfish: A Natural History (เขียนโดย Lisa-ann Gershwin)
ภาพ : http://www.marinespecies.org/hydrozoa/aphia.php?p=image&tid=16356&pic=74251